ประวัติ ไมเคิล โอเว่น สุดยอดดาวยิง
ประวัติ ไมเคิล โอเว่น ( Michael Owen ) สุดยอดดาวยิงแห่งยุค
ประวัติ ไมเคิล โอเวน เขาฉายแววตั้งแต่ อายุ 10 ขวบ เป็นที่จับตามองของแมวมองแต่ละสโมสรชั้นนำ เขาได้แสดงให้เห็นว่าเขาคือนักบอลที่มีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก เขาเป็นดาวเด่นมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
วันนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ ประวัติ ไมเคิล โอเวน กองหน้าตัวเป้า สัญชาติอังกฤษผู้นี้กันเลย
ประวัติข้อมูลส่วนตัวของไมเคิล โอเว่น
ชื่อเต็ม : ไมเคิล เจมส์ โอเว่น (Michael James Owen)
วันเกิด : 14 ธันวาคม ค.ศ. 1979
สถานที่เกิด : เชสเตอร์ ในเชสเชียร์ ในประเทศอังกฤษ
สัญชาติ : อังกฤษ
ส่วนสูง : 1.73 เมตร
สโมสรปัจจุบัน : แขวนสตั๊ด
ตำแหน่งที่เล่น : กองหน้า
ประวัติการเล่นในระดับสโมสรที่ผ่านมาของ ไมเคิล โอเว่น
ค.ศ. 1996–2004 ลงเล่น ให้กับ ลิเวอร์พูล 216 นัด ยิง 118 ประตู
ค.ศ. 2004–2005 ลงเล่น ให้กับ เรอัลมาดริด 36 นัด ยิง 13 ประตู
ค.ศ.2005–2009 ลงเล่น ให้กับ นิวคาสเซิลยูไนเต็ด 71 นัด ยิง 26 ประตู
ค.ศ.2009–2012 ลงเล่น ให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 31 นัด ยิง 5 ประตู
ค.ศ.2012–2013 ลงเล่น ให้กับ สโตกซิตี 8 นัด ยิง 1 ประตู
เส้นทางชีวิตการค้าแข้งของ ไมเคิล โอเว่น
โอเวน เข้าเรียนที่โรงเรียนประถม Rector Drew ใน Hawarden เมือง Flintshire รัฐนอร์ทเวลส์ เมื่ออายุ 10 ขวบแมวมองชั้นนำของประเทศบางคนเฝ้าติดตามความก้าวหน้าของเขา เขาก็ได้แสดงให้เห็นว่าเขามีพรสวรรค์ โอเว่น เป็นผู้เล่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 11 ปีของโรงเรียนประถม
ต่อมาโอเว่น ย้ายมาเรียนระดับมัธยมที่ Harvard School และก็ยังลงเล่นให้กับทีมโรงเรียนเช่นเดิม ขณะที่บรรดาสโมสรดังๆของพรีเมียร์ลีก ที่ได้ยินกิตติศัพท์ความเก่ง ความมีพรสวรรค์ของเขา ก็พยายามมาชักชวน โอเว่น ไปร่วมทีมเยาวชนของตนเอง แต่ทางโรงเรียนของเขา ไม่อนุญาตให้นักเรียนที่อายุยังน้อยมาก เซ็นสัญญากับทีมใด
ในเวลาต่อมา ลิเวอร์พูล ทีมที่ต้องการตัว โอเว่น เป็นอย่างมากก็ยื่นมือเข้ามาชี้แนะให้ โอเว่น ไปฝึกฝนวิชาด้านฟุตบอลเพิ่มเติมที่โรงเรียนสอนฟุตบอลของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ที่ลีลล์แชลล์ เมืองสแตฟฟอร์ดเชียร์ ในตอนที่เขาอายุ 14ปี ขณะที่ก็ยังเรียนวิชาสามัญทั่วไปที่ ฮาวาร์เด้น ไฮสคูล
มาจนถึงในวัย 16 ปี ที่สามารถเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของสโมสรได้แล้ว และจบการฝึกจากโรงเรียนลูกหนังของเอฟเอ แล้ว ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็คว้าตัว โอเว่น ไปร่วมทีมได้สำเร็จ ตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เชลซี และ อาร์เซน่อล
ต่อมา เขาช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ Cup Treble ในฤดูกาล 2000-2001 และเขายังสามารถคว้านักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปจากผลงานของเขา 2-3 ปีหลังการคว้าแชมป์คัพ เทรเบิล ลิเวอร์พูลพยายามผลักดันอย่างทะเยอทะยานเพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยมีไมเคิล โอเว่นเป็นแนวหน้า แต่พวกเขาทำได้เพียงรองเเชมป์ โอเว่นได้ทำไป 19 ประตู ในซีซั่นนั้น
หลังจากอยู่กับ ลิเวอร์พูล มานาน โอเว่น เขาก็ต้องการที่จะหาผลงานใหม่ๆในการค้าแข้งวงการฟุตบอล เนื่องจากที่ ลิเวอร์พูล เขายังไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยเหตุนี้ ลิเวอร์พูล จึงขายเขาไปให้กับ รีล มาดริด ทีมมหาอำนาจของสเปน ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ และ รีล มาดริด ต้องแถม อันโตนิโอ นูนเยซ มาให้ ลิเวอร์พูล อีกด้วย
ในปี ค.ศ. 2004 ได้สร้างความประหลาดใจแก่แฟนบอลและสร้างความเสียใจให้แก่แฟนลิเวอร์พูล โดยได้ย้ายไปอยู่กับ เรอัลมาดริด ในสเปน แต่ว่าไม่ประสบความสำเร็จมากเท่าสมัยอยู่กับลิเวอร์พูล เขามักถูกทิ้งให้อยู่กับ รุด ฟาน นิสเตลรอย บนม้านั่งสำรอง และถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวางจากสื่อสเปน
ในปี ค.ศ. 2005 โอเว่น ได้กลับมาอังกฤษเพื่อร่วม ทีมนิวคาสเซิลด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรในเวลานั้น แต่ก็ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอยู่เป็นระยะเมื่อหมดสัญญากับสโมสรนิวคาสเซิลแล้ว ในปี 2009 โอเวน ก็ได้ตัดสินใจย้ายทีมที่สร้างความประหลาดใจให้เหล่าแฟนบอลลิเวอร์พูลด้วยการย้ายไปโดยไม่มีค่าตัวเพื่อเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เมื่อฤดูกาลที่ 2 ของเขาแต่ก็ยังมีอาการบาดเจ็บรุมเร้าเขาอยู่ตลอด จนทำให้เขาไม่สามารถที่จะเรียกฟอร์มที่แข็งแกร่งของเขาออกมาได้ แต่เมื่อหลังๆชองฤดูกาลเขาก็กลับมาคืนฟอร์มแต่ก็ยังไม่ 100 เปอร์เซ็นต์เท่าไหร่นัก เขาได้มีส่วนกับประตู สำคัญๆในการหนีรอดการตกชั้นได้สำเร็จในฤดูกาลนั้น โดยเขาทำได้ทั้งหมด 11 ประตูและเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากสุดเป็นอันดับ ที่ 13 ของศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ ในฤดูกาลนั้น
เมื่อฤดูกาลที่ 3 ของเขากับทีม ทีมนิวคาสเซิล เขาสามารถทำผลงานได้ไม่ดีนัก ยิงไปทั้งหมด10 ประตูจากการลงเล่น 31 นัด ของซีซั่น สภาพทีมที่แย่มากส่งผลให้ต้นสังกัดของโอเว่นตกชั้น ต่อมาเขาก็หาทีมอยู่ใหม่ในทันที สุดท้ายแล้วเขาได้ไปลงเอยกับทีมยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยไม่มีค่าตัว
โอเว่น กับการรับใช้ทีมชาติอังกฤษ
นอกเหนือจากความสำเร็จอันเจิดจรัสในระดับสโมสรแล้ว โอเว่นยังมีบทบาทสำคัญในทีมชาติอังกฤษมาอย่างยาวนาน โดยมีผลงานตั้งแต่ ในนัดอุ่นเครื่องกับ โมร็อกโก จนเป็นเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมได้ แต่ต่อมาโดน เวย์น รูนี่ย์ ทำลายสถิตินี้ลงได้
โอเว่นได้แสดงผลให้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ นัดที่พบ อาร์เจนติน่า เขาได้โชร์ความสามารถเฉพาะตัวอันยอดเยี่ยมลากบอลจากระยะเกือบครึ่งสนามไปยิงประตู แม้ว่า อังกฤษ จะพ่ายแพ้ตกรอบไปในที่สุด แต่ประตูของ โอเว่น ก็ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดประตูหนึ่งในการแข่งขัน
จากนั้น โอเว่น เขาขึ้นมาเป็นกำลังหลังสำคัญของทีมชาติอังกฤษ ไปในที่สุด และแฟนทุกคนฝากความหวังในการทำประตูเอาไว้ที่เขา โดยที่เขา และลงทำศึกรายการใหญ่ๆเสมอมาเช่น ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ปี 2000 และ 2004 และ ฟุตบอลโลก ปี 2002 แต่ก็ยังไม่สามารถช่วยพาอังกฤษ คว้าแชมป์มาครองได้ซักที ในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2007 โอเว่น ติดทีมชาติ ครบ 88 นัด และทำได้ 40 ประตู ซึ่งเป็นสถิติที่ทำให้เขาเป็นนักเตะที่ยิงประตูให้ทีมชาติอังกฤษมากที่สุดเป็นอันดับ 4
ผลงานส่วนตัวของ ไมเคิล โอเว่น
- บัลลงดอร์ : 2001
- BBC Sports Personality of the Year : 1998
- รองเท้าทองคำของพรีเมียร์ลีก : 1997-98, 1998-99
- Premier League Player of the Season : 1997-98
- ผู้ทำประตูสูงสุดของลิเวอร์พูล : 1997-98, 1998-99, 1999–2000, 2000–01, 2001–02, 2002–03, 2003–04
- นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ : 1997-98
- PFA Premier League Team of the Year : 1997-98
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือน: สิงหาคม 1998
- FIFA World Cup Best Young Player Award : ฝรั่งเศส 1998
- Premier League 10 Seasons Awards (1992-93 ถึง 2001-02) : Domestic Team of the Decade
- ฟีฟ่า 100
- English Football Hall of Fame: 2014